กระเจี๊ยบเขียว (ชื่อวิทยาศาสตร์: Abelmoschus esculentus) เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาและแพร่หลายไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย กระเจี๊ยบเขียวเป็นพืชที่ใช้ในการประกอบอาหารหลากหลาย เช่น ต้ม ย่าง หรือทำแกง เพราะฝักอ่อนมีรสชาติหวานกรอบและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง นอกจากนั้น กระเจี๊ยบเขียวยังมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยในการรักษาสุขภาพหลายด้าน
กระเจี๊ยบเขียวอุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามินเอ วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ จึงถือว่าเป็นผักที่ดีต่อสุขภาพ
ลักษณะของต้นกระเจี๊ยบเขียว
- ลำต้น: เป็นพืชล้มลุก ลำต้นตั้งตรงสูงประมาณ 1-2 เมตร
- ใบ: ใบของกระเจี๊ยบเขียวเป็นใบเดี่ยว รูปหัวใจหรือฝ่ามือ มีขอบใบเป็นรอยหยัก
- ดอก: ดอกสีเหลืองอ่อน มีเกสรสีม่วงตรงกลางดอก ออกดอกที่ปลายยอดหรือตามซอกใบ
- ฝัก: ฝักของกระเจี๊ยบเขียวมีลักษณะเรียวยาว สีเขียว และมีขนอ่อน ฝักอ่อนมักถูกนำมาใช้ในการประกอบอาหาร
สรรพคุณของกระเจี๊ยบเขียว
- ช่วยในการขับถ่าย: ฝักของกระเจี๊ยบเขียวมีเส้นใยอาหารสูง ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
- ลดระดับน้ำตาลในเลือด: ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- บำรุงกระเพาะอาหาร: ช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารและบรรเทาอาการท้องอืด
- ต้านอนุมูลอิสระ: มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์
การใช้ในอาหาร
- ฝักอ่อนของกระเจี๊ยบเขียวนิยมใช้ในอาหาร เช่น นำไปต้ม ลวก หรือผัด
- สามารถใส่ในซุปหรือแกงต่าง ๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและรสชาติ